Tuesday, May 1, 2007

เซ็งจิตจริงๆ...

พักนี้รู้สึกแปลกๆ ครับ รึว่าว่างงานจัดก็ไม่รู้ เซ็งๆ อย่างบอกไม่ถูกเลย ฟ้าก็ครึ้มมาหลายวันแต่ฝนไม่ยักกะตก ตอนกลางวันก็ยังร้อน ไม่ค่อยมีอะไรที่อยากทำเลย วันๆ เนี่ยก็เอาแต่ดูข่าวในเวป เล่นเกม ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย...

หนังสือที่ว่าจะอ่านก็อ่านไปหน่อยๆ แล้วแต่ก็ยังวางไว้ที่เดิม ยังไงอยู่ยังงั้น ก็มันไม่มีอารมณ์อ่านจริงๆ ดีว่าคืนนี้ 1 พ.ค. มีบอล รอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ระหว่าง ลิเวอร์พูล เป็ดแดง กับ เชลซี หอยทะเล แต่ใครจะชนะผมไม่สน ขอเข้าไปเตรียมล้างแค้น แมนยู หรือแพ้มิลานให้ทีแล้วกัน...

แต่มันตั้งตอนตี 1.45 นู้น ตอนนี้ 2 ทุ่มกว่าๆ เอง ส่านอนกลางวันเตรียมดูเต็มที่ แต่เวลาก็ยังมีอีกเยอะเลย...

เคยรู้สึกเซ็งจิตบ้างไหมครับ เป็นอาการเซ็งแบบลึกเข้าไปในจิตใจ แบบว่ามีแต่เรื่องเซ็งๆ แต่บ่นไม่ได้ไม่รู้ทำไม อาจเป็นแค่ตอนพักนี้แหละมั้ง ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ...

เข้าไปอ่านสเปซของเพื่อนคนนึงว่างๆ เค้าบอกอยากเป็นแอร์ เออ ก็ดีนะมีเป้าหมายในชีวิต ยังไงก็ขอให้สมหวังแล้วกัน แต่ดูท่าภาษาอังกฤษน่ะเป็นปัญหาจริงๆ รวมทั้งตัวผมด้วย ก็ยังคงเป็นปัญหาต่อไป...

มาคิดๆ ดูเออ อนาคตเราเนี่ยเป็นไรดีนะ หวังจะได้เป็นอาจารย์สอนที่ ม.ช. ก็ดีเหมือนกัน รู้ไหมครับว่าทำไมผมอยากเป็นอาจารย์นัก...

เพราะว่า อาชีพเนี้ยยย มันตอบโจทย์ในใจผมได้หลายข้อเลยล่ะ...

ผมอยากทำอาชีพที่มีเกียรติ และมีชื่อเสียง...แน่นอนมีเกียรติแน่ๆ แถมเผลอๆ ทำวิจัยอะไรๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการก็พอจะมีชื่อเสียงง่ายๆ...

ทำไมมันสำคัญรู้ไหมครับ เรื่องชื่อเสียงน่ะ ตั้งแต่ผมเรียนหนังสือรู้ความมา คนรุ่นเก่าๆ พอมีอายุหน่อยก็จะมาถามล่ะว่า เป็นอะไรกับ นายแพทย์บุญส่งน่ะ ผมก็ต้องตอบอย่างซ้ำๆ ซากๆ ว่า อ๋อ... เป็นหลานครับ แล้วก็ต้องตอบอะไรไปอีกซักพักนึงเหมือนกัน มันเยอะเหลือเกินครับ ผมไม่ได้อิจฉาปู่ของผมหรอกนะ ท่านก็ส่วนท่าน ส่วนผมเองก็ถือเอาท่านเป็นแบบอย่าง สร้างชื่อเสียงในวงค์ตระกูล เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด หวังว่าสักวันนึงจะมีคนถามลูกๆ หลานๆ ผมบ้างล่ะว่า เป็นอะไรกับ ดร.พันพงศ์ เนี่ย 555+ คงรู้รู้สึกดีน่าดู...

จริงๆ ท่านก็ไม่ใช่ปู่แท้ๆ ของผมหรอกนะ แต่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของปู่แท้ๆ ของผม...งงไหมครับ...ปู่แท้ของผมท่านเป็นผู้พิพากษา จะว่าไปท่านเสียเร็วไปหน่อย ถ้าท่านยังอยู่ถึงตอนนี้ผมคงสมหวังในหน้าที่การงานไปแล้ว...

ไหนก็พูดล่ะนะ พูดอีกนิดนึง ตอนเด็กๆ ผมตั้งใจจะเรียนต่อ ม.ปลายที่เตรียมอุดมนะ ไฮโซจริงๆ เพราะตอนนั้นพี่สาวผม เข้าจุฬาได้ ในตอนเอนทรานซ์ระบบเก่าสอบครั้งเดียวน่ะ ผมเลยฮึดขึ้นมาว่าจะเรียนที่ดีๆ ล่ะ แต่ปู่ผมมาเสียไปก่อน แผนการไปกรุงเทพ การเรียน เลยล้ม...

ต่อมาก็เรื่องผลตอบแทนในวิชาชีพ จริงๆ ก็เงินล่ะนะ มันก็คงไม่ได้มากมายหรอก แต่ก็สูงพอได้เลยล่ะ...

ความมั่นคงในอาชีพก็สูงดีเหมือนกัน ผมเคยทำงานเอกชนมาแล้ว เคยถามตัวเองว่าชีวิตจะมั่นคงตอนไหน จริงอยู่ว่าได้เงินเยอะ แต่ตอนอายุ 40 50 60 ล่ะ จะยังมั่นคงอยู่ไหม จริงอยู่ว่าอะไรๆ ก็ไม่แน่นอนแต่ก็ยังดีกว่าเอกชนนะ...

แน่นอนหน้าตาในสังคม ก็เป็นเหตุผลเหมือนกัน แต่เหตุผลจริงๆ ก็คือ ชื่อเสียงล่ะน่ะ...

มานั่งคิดเรื่องในอนาคตก็รู้สึกดีเหมือนกัน แต่คนอื่นชอบว่าผมน่ะ ชอบคิดไปไกลเกิน มองข้ามช๊อตไปไกลเกินไป ผมก็ไม่รู้หรอกว่าการมองอะไรกว้างๆ ไกลๆ มันดีไหม แต่ผมก็รู้สึกดีนะ ที่ได้วางแผนอะไรๆ ให้มันเป็นอย่างที่ผมคิด เพราะสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดคือ "ความไม่แน่นอน" นี่ล่ะ ผมเลยต้องมองอะไรไกลๆ ไง...

เอาล่ะ พอจะบรรเทาความเซ็งจิตได้เล็กน้อย ถึงปานกลาง แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วครับ...

No comments: