Sunday, July 29, 2007

Just u beside me...

ขอแค่มีเธอ...เท่านี้ชีวิตของฉันมีความหมาย แค่ฉันมีเธอ...ก็ไม่ต้องการสิ่งใด เท่านี้ก็เป็นสุขใจ...

สำหรับผมแล้วความรักมันคืออะไร?...การได้รักใครซักคนจริงๆ แล้วมันเป็นยังไงกันนะ น่าจะเป็นคำถามในใจใครหลายๆ คน เพราะไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ นี่เรียกว่าความรักรึเปล่านะ...

อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นหน้าทุกวัน อยากพูดคุย อยากพาไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง เป็นคนเดียวที่จะพูดคุยได้ทุกเรื่อง หรือ แม้แต่สัมผัสทางกายที่จะมีให้กันได้...มันคืออะไรกันแน่?

ผมเคยผ่านสิ่งเหล่านั้นมาก่อน มันอาจจะเรียกว่า puppy love ก็ได้นะ แบบความรักแบบน่ารักสบายๆ...แต่พอโตขึ้นแล้วชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้น จะสามารถมีความสุข หรือช่วงเวลาแบบนั้นตลอดไปได้ไหม กับโลกที่เราต้องเผชิญทุกวันแบบนี้...?

ผมสับสน งุนงง กับมันเหลือเกิน...อะไรกันแน่ที่ผมต้องการ ความรักแบบไหนที่ผมต้องการกันแน่นะ?

ผู้หญิงที่ผมรัก ผู้หญิงที่สามารถทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ความรู้สึกมันค่อยซึมลึกลงไปข้างในจิตใจ ทำไม..ทำไม?ถึงมีหน้าเธอ ทำไมเสียงของเธอรบกวนจิตใจของผมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าผมกำลังมีความทุกข์ กำลังมีความสุข หรือนึกอะไรเพลินๆ ขึ้นมาก็ตาม ต้องมีเธออยู่เรื่อย...

ภาพที่ผมเห็นก็คือ เธอส่งยิ้มมาให้ผมใกล้ๆ เธอยิ้มอย่างจริงใจ ยิ้มแบบมีความสุข หรือว่านี่คือยิ้มแบบที่คนที่รักกันจะยิ้มให้กัน รอยยิ้มที่มีไว้ให้สำหรับคนที่พิเศษเท่านั้น...สายตาของเธอมองมาที่ผมอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าความอบอุ่นกำลังโอบกอดผมไว้ รอบๆ ตัวของผมกลายเป็นเหมือนโลกส่วนตัว โลกที่มีแต่ผมกับเธอเท่านั้น...

เธอพูดต่อไปว่า "สู้ๆ นะ พยายามเข้านะคะ" น้ำเสียงที่อ่อนหวาน ทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มไปเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่า คำพูดที่มาจากผู้หญิงคนนี้ จะทำให้ผมรู้สึกขนาดนี้...

ใช่แล้ว!! ผมเจอแล้วความรักของผม นี่ยังไงล่ะสิ่งที่จะเติมเต็มชีวิตของผมได้ คือเธอคนนี้แหละ...

และแล้วผมก็กลับมามองตัวเอง ผมก้าวไปข้างหน้า ทำความฝันของผมไปเรื่อยๆ จนไม่ได้มองกลับมาข้างหลังเลย ทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมก็ยังก้าวต่อไป...

แต่เมื่อผมพบเธอ เธอทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ...ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆ ผม คอยส่งยิ้มให้ผมอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบไหน ขอแค่ผมมองไปข้างๆ ผมก็จะเห็นเธออยู่ตรงนั้น เธอที่จะอยู่เคียงข้างผมเสมอ..

ได้โปรดเถอะ...ช่วยมาอยู่ข้างๆ ผมตลอดไปได้ไหม...

Wednesday, July 25, 2007

กลุ่ม นปก. หนึ่งในคนชั่วหลายๆ คนในยุคนี้

เวลาที่ผมเห็นหน้าคนพวกนี้ทีไร ผมรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ครับ รู้สึกเหมือนมากกว่าเจอก้อนขี้ก้อนมหึมาก้อนนึงซ่ะอีก ผมไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ทำไมถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีความเลวทรามได้ถึงขนาดนี้...

เอาประชาธิปไตยมาอ้าง เอามาบังหน้าเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เอาคนอื่นมาตายแทนเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ...แม้ว่าพวกนี้จะอ้างประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการซึ่งก็ตรงกับค่านิยมในยุคนี้ในเรื่องของ "ประชาธิปไตย" พลังของประชาชน ทำให้พวกนี้ได้กลุ่มมวลชน ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ประชาธิปไตยคืออะไร?

ผมเองไม่ได้ก้มหัว หรือว่าชอบเผด็จการหรอกนะครับ รวมทั้งไม่ชอบพวกที่แอบอ้างอะไรซักอย่างเพื่อให้ตัวเองดูดีด้วย...ทั้งสองอย่างก็ล้วนแต่มีข้อดี ข้อเสียในตัวมันเอง...แต่ไม่ว่ามนุษย์หน้าไหนที่แอบอ้างมาใช้มันเพื่อประโยชน์ของตัวเองล่ะก็ ผมเชื่อว่า มันผู้นั้นชั่วช้า มนุษย์ไม่เหมาะที่จะนำคำเหล่านี้มาใช้หรอก...

ผมกลับมองว่า...เรื่องราวของประชาธิปไตยและเผด็จการนั้น มันเป็นอะไรที่สากลของโลก เป็นอะไรที่เป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายใดมีกำลัง ฝ่ายนั้นก็จะได้อำนาจปกครองกันไป เป็นวงจร เป็นวัฐจักร เพราะฉะนั้นเลิกฝันเถอะว่า ประชาธิปไตยจะยั่งยืนในโลกใบนี้ ไม่งั้นต้นตำรับแบบประเทศกรีกโบราณคงไม่ล่มจมหรอก...

ที่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรให้เราอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ต่างฝ่ายต่างเข้าใจ ช่วยเหลือกันสร้างสังคมที่เหมาะกับมนุษย์ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีใจสูง...แต่มันคงไม่เกิดขึ้น เพราะสัตว์ที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์นั้นเป็นแค่คน คนซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนกันๆ

และนี่เองที่มนุษย์พยายามดึงอะไรที่ไม่มีตัวตน มาทำให้มันมีตัวตน ให้เป็นพลัง เพื่อกิเลสตัณหาของตนเองกันทั้งนั้น...และนี่คือกลุ่มคน ซึ่งผมมองว่า พวกเขาเป็นเช่นนั้น...กลุ่มคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน รวมแม้แต่ขายตัวเอง ขายวิญญาณตัวเองให้คนอื่นด้วย...








คนพวกนี้ขออย่าให้ได้เกิดมาในแผ่นดินไทยอีกเลย...

Tuesday, July 24, 2007

พบจักรขู่ฟ้อง UN!!!

ตอนนี้ผมได้ label ใหม่เรียบร้อยแล้วครับก็คือ Politics นั่นเอง สืบเนื่องจากด้วยอารมณ์อยากด่าคน ก็เลยต้องเขียนเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ตามแต่สมควร...

วันนี้ผมเข้าไปอ่านข่าวเหมือน ทุกๆ วัน ก็เจอข่าวที่ว่า "พบจักร ขู่ฟ้อง UN ตำรวจใช้กำลังทำร้ายม็อบ นปก.!!" ผมก็เลยงงว่า เอ๊ะ!!!... ตกลงใครทำร้ายใครฟ่ะ ก็เลยไปหาภาพตามเน็ตมาดูสิว่า ไหง นายพบจักรเนี่ยถึงกล้าขู่ว่าจะฟ้อง UN เพราะ ตำรวจทำร้ายประชาชน?...


กำลังจะหวดอยู่แล้วววว... อย่าถ่ายสิฟ่ะ ถ่ายตอนตูโดนตำรวจยำนู้น ตูจะได้ไม่ผิด...



ให้มันรู้ว่ะบ้างว่าอย่าเล่นกับม็อบไข่แม้ว...!!


งานนี้สงสารตำรวจขึ้นมาจับใจ...



นี่แหน่ะ...ตูทำลายข้าวของไม่ผิดเฟรี้ยยยย...
แต่ทำร้ายตู ฟ้องแม่จริงๆ ด้วย ประชาชนอ่ะประชาชน ตูเจ็บมีเรื่องนะเอ้า...



จำไว้อย่ามาเล่นกะประชาชนอย่างตู ไม่งั้นรถพังไม่รู้น้า....แต่ตูไม่รับผิดชอบเฟ้ยยย (แล้วนี่มันรถใครอ่ะ)


คนนึงใช้ไม้ คนนึงใช้โล่ แต่คนใช้ไม้ตีตำรวจได้ เพราะตูเป็นประชาชน แต่ตำรวจตีตูมีเรื่อง เออ เอากะมันสิ!!


ในที่สุดนายพบจักรก็ได้รูปเด็ดซะทีนึง มีคนเจ็บจนได้ (จากลูกหลงพวกเดียวกัน) ฟ้อง UN เล้ยย...(อย่าลืมฟ้องเมกาพ่อไข่แม้วด้วยนะ พบจักร...)

เอาล่ะครับ คงเห็นได้จากภาพแล้วนะ ส่วนใครจะว่าผมมีอคติกับม็อบไข่แม้ว รึอ้างว่า เอารูปที่ประชาชนไปทำร้ายตำรวจอย่างเดียวมาลงก็ตามใจแล้วกัน เพราะผมเขียนตามสิ่งที่ผมเห็นที่ผมคิด ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเห็นด้วยหรอก...

ปล. ขอสาปแช่งให้กับม็อบไข่แม้วด้วยนะ เงินไม่กี่ร้อย ทำให้คนพวกนี้ทำลายประเทศชาติตัวเองได้...ถึงว่ามีคนแบบนี้อยู่เยอะชาติเราเลยล้าหลังเอ้า ล้าหลังเอา ...

Monday, July 23, 2007

นปก. บุกบ้านป๋าเปรม!?

ในที่สุดสถานการณ์ที่หลายๆ คนคาดไว้ก็ประทุขึ้นจนได้ นั่นก็คือม็อบ นปก. หรือเรียกสั้นว่า ม็อบไข่แม้ว แล้วกันนะครับ บุกไปถึงประตูบ้านสี่เสาเทเวศน์ซ่ะแล้วเมื่อคืนวันที่ 22 นี่เอง โดยมีมวลชนของม็อบกว่า 6 พันคนเข้าร่วมใช้ความรุนแรง เพื่อกดดันให้ พลเอก เปรมฯ ลงจากตำแหน่ง?

จริงๆ ผมไม่ได้อยากเขียนเรื่องการเมืองเลยนะครับ ถ้าไม่ใช่ว่ามันน่าสนใจ หรือ มันเสื่อมโทรมจริงๆ แต่คราวนี้มันกลายเป็นเหตุผลข้างหลังมากกว่า...

ไม่บอกก็เดาได้ว่า แกนนำ นปก. คิดอะไรอยู่ถึงทำอะไรอย่างนี้ลงไปได้ เหตุผลที่ว่าคงหนีไม่พ้นที่จะบีบให้ตำรวจ ทหาร ใช้กำลัง แล้วโทษว่าป๋าเปรมสั่งมาให้ใช้ความรุนแรงจัดการกับม็อบ จะได้อาศัยความชอบธรรมนี้ดิสเครดิตป๋าซ่ะเลย...

เด็กป.4 ยังรู้เลยครับว่าทำไปทำไม?

แต่สิ่งที่ม็อบไข่แม้วกำลังทำอยู่มันกลายเป็นการดิสเครดิตตัวเองที่มีน้อยอยู่แล้ว ให้น้อยลงอีก การเรียกร้องประชาธิปไตยตอนแรกที่ทำท่าว่าจะทำอย่างสงบ กลายเป็นความรุนแรงตอนนี้ เนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่...

อย่างเช่น เงินสนับสนุน หรือท่อน้ำเลี้ยงกำลังจะหมดแล้วบ้าง คนจ้างเค้าก็อยากเห็นผลงานของม็อบบ้าง หรือเวลามันเหลือน้อยแล้วก็เลยลุยเต็มตัวเลยบ้าง...

แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ม็อบไข่แม้วกำลังทำ ถูกอีกฝ่ายนึงจัดการซ่ะอยู่หมัดด้วยภาพข่าวที่แพร่ภาพออกไปทั่วประเทศ เด็กอนุบาลยังเข้าใจเลยครับว่า นี่คือความรุนแรงแล้วนะ...ตอนนี้ประชาชนทั่วประเทศคงรู้ถึงธาตุแท้ของม็อบเพื่อประชาธิปไตยแต่ภายนอกนี้แล้วบ้างไม่มากก็น้อย...คงรู้แล้วว่าทำเพื่อใคร?

ผมสงสัยเหลือเกิน สงสัยว่า ม็อบไข่แม้วคิดอะไรอยู่ถึงคิดทำอะไรที่เหมือนการ "ฆ่าตัวตาย"แบบนี้ โง่บัดซบจริงๆ...คงหาคำอื่นๆ มาเปรียบได้ยากครับ สงสัยแกนนำ นปก.คงกินยอดหญ้าอ่อนเป็นอาหาร...

ไม่รู้ผมเคยพูดเรื่องกลยุทธ์เด่นไปรึยัง กลยุทธ์เด่นที่ว่าก็คือ ก็คือ กลยุทธ์ที่ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะตัดสินใจอย่างไรเราจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์อยู่เสมอ...ฝ่ายตรงข้ามที่ว่าจึงสวนหมัดกลับ(พร้อมกับรับความป่าเถื่อนโหดร้ายลงไปที่ตำรวจปราบจราจรซ่ะ)ไปเต็มๆ ด้วยการอยู่นิ่ง ไม่สั่งให้ตำรวจทหารทำร้ายประชาชนที่ได้เงินจากไข่แม้ว จนทำร้าย ทำลายประเทศได้ด้วยเงินไม่กี่ร้อย!!!

แถมที่สำคัญ มีการบอกด้วยว่า ให้ตำรวจทำตามกฏหมายบ้านเมือง...โอ้โห อะไรจะเหนือชั้นขนาดนี้ เทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย ที่เลือกใช้ความรุนแรงเต็มๆ แถมชาวโลกเค้าก็รู้ไปทั่วแล้ว...

ไม่รู้ว่าเจ้าของม็อบตอนนี้จะรู้สึกเป็นไงบ้าง?...แต่ที่แน่ๆ คงแอบคิดว่า แมร่งเอ้ยยย...พวกเอี้ยนี่ ควายเรียกพ่อจริงๆ อยู่ก็เป็นได้ ...แต่ก็ไม่แน่ คนๆ นี้อาจจะเป็นคนสั่งให้เอาม็อบไปตายแทนเค้าจริงๆก็ได้(จริงๆ ก็กำลังทำอยู่ คือบีบให้อีกฝ่ายใช้ความรุนแรง ฝ่ายม็อบไข่แม้ว บาดเจ็บมากเท่าไหร่ หรือยิ่งตายด้วยยิ่งดี)ก็เสียเงินจ้างมาเยอะแล้วนี่ครับ คนๆ นี้เค้าไม่สนหรอกว่าใครจะตาย ขอให้มันอยู่รอดก็พอ...

แทนที่แกนนำ นปก. จะมีสมองคิดซักนิดว่า สถานการณ์ที่อีกฝ่ายกุมอำนาจเบ็ดเสร็จควรจะทำยังไง...จะใบ้ให้ซักนิด เพื่อเป็นวิทยาทานก็ได้ว่า ให้ดิสเครดิต สร้างข่าวเท็จ รวมทั้งหลบเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบนี่ไปเรื่อยๆ เองแหละ เดี๋ยวเจ้าของ นปก. กับพรรคพวกก็พ้นผิด...พอถึงเวลาก็กล้าพูดได้ว่า พ้มมมมไม่ผิดนะ พ้มมไม่ผิด....555+

แต่กลับเลือกใช้วิธีทุบหม้อข้าวตัวเองซ่ะงั้น เดาว่าคงจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่างมันยือเยื้อเกินไป ทุนที่มีเริ่มจะหมดล่ะ...แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายพร้อมทำสงครามยืดเยื้อได้...

อย่างที่ผมชอบพูด "สงครามยืดเยื้อย่อมไม่เป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่หากจำเป็นต้องทำสงครามแบบนี้แล้วล่ะก็ ฝ่ายที่ทนได้ หรือ รอได้มากกว่ายังไงก็ชนะ"...ลืมไปว่าพวก "ควาย" มันอ่านหนังสือไม่ออก เลยไม่รู้จักหลักการทำสงครามบ้างเลย...

สรุปแล้วก็ต้องดูต่อไปล่ะครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่? คาดว่าประชาชนชาวไทยคงรู้ซึ้งถึงม็อบไข่แม้วบ้างล่ะนะ...

อีกอย่างนึงน่ะ...การจะดึงดันกดดันให้ประธานองคมนตรีลาออกน่ะ มันเป็นการล่วงเกินพระราชอำนาจ อำนาจในการแต่งตั้งประธานองคมนตรี และองคมนตรี เป็นพระราชอำนาจโดนชอบธรรมของพ่อหลวงอยู่แล้ว แถมถูกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเสร็จสรรพ...ดังนั้นเนี่ยคงจะเห็นแล้วว่า ม็อบไข่แม้วมันไม่เคยเห็นพ่อหลวงของเราอยู่ในสายตาเลย...เลวขนาดไหน คิดดูเอง

Friday, July 13, 2007

เพลง ไม่สบาย --- มะลิ

เพิ่งจะเขียนไปหยกๆ ตะกี้เองว่าช่วงนี้ชอบฟังเพลงเศร้า เผลอแปปเดียวเอาเพลงจังหวะเร็วๆ มาลงซ่ะล่ะ...แต่เพลงนี้พิเศษอย่างนึงครับ คือ ผมชอบอ่ะ...

กับจังหวะกีตาร์โปร่งที่สามารถเล่นได้เอง แต่เสียดายว่าจังหวะนี้ผมคงเล่นไม่ได้แน่ๆ น่าจะเล่นจังหวะธรรมดาๆ ได้ แถมดูแล้วต้องเป็นคอร์ดทาบแน่ๆ คิดๆ แล้วหากมีคอร์ดเนี่ยท่าจะมันมากเลยครับ รูดนิ้วกันมันเลย...

อีกอย่างทำนองเพลงนี้มัน...โดนใจดีครับ เลยเอามาลงไว้ฟัง(อีกแล้ว) ว่าแล้วก็เกิดอยากเล่น อยากร้องเพลงนี้ขึ้นมาเลย ^^


























เพลงเศร้าๆ ในช่วงนี้...

อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าทำไมช่วงนี้ผมถึงชอบฟังเพลงช้าๆ หรือเพลงเศร้าๆ ไม่ได้อกหัก ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ช่วงนี้รู้สึกว่าเวลาฟังเพลงเศร้าๆ แล้วได้ผ่อนคลายดี...ช่วงนี้เลยเน้นเพลงประเภทนี้เป็นพิเศษ

อย่างเพลง "เข้ากันไม่ได้" เวอร์ชั่นอังกฤษเนี่ย ฟังไปฟังมามันอินได้อารมณ์ดีจัง ปกติเพลงแปลงเป็นภาษาอื่นเนี่ย เนื้อเพลงมันจะออกมาแมร่งๆ พอร้องแล้วดูตลก แต่กับเพลงนี้ เนื้อเพลงก็ลงตัวดี แถมยังมีจังหวะลงเสียง ลงฟีลลิ่งสำหรับร้องได้เสียดแทงใจดีจริงๆ ประมาณว่าเวลาร้องแล้วอยากเหน็บแนมความรักของเราไปพร้อมๆ กับเพลง เหมือนได้ปลดปล่อยครับ...

หรือเพลงเก่าๆ ผมก็ยังคงฟังอยู่ อย่าง"ความลับ" ที่ พี่นภ พรชำนิ ร้อง แกดีอย่างนึงตรงที่ว่าแกร้องแบบมีฟิลลิ่งไม่สนใจต้นฉบับเลย เพลงของแกเนี่ย จะต้องมีท่อนท้ายๆ ที่แกจะใส่ฟีลเต็มที่ เวลาร้องคลอไปตามช่วงนั้นแหละ ได้อารมณ์สุดๆ จริงๆ ยังมีเพลงเก่าๆ อีกเยอะเลยครับที่ผมฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นเพลง อกหัก แอบรักเขาข้างเดียว อะไรประมาณนี้ แบบว่าชอบฟัง...

แต่ที่น่าเสียดายก็คือ...กีต้าร์ของผมยังตั้งสายไม่ได้เลย TT ช่วงนี้เลยไม่ได้เล่น ยิ่งฟังเพลง "เข้ากันไม่ได้" หรือ "หมอกหรือควัน" ที่เล็ก สุรชัยเป็นคนร้องเนี่ย ผมอยากเล่นได้บ้างจัง เคยคิดว่าอยากไปเรียนเล่นกีต้าร์เลยนะ รอไว้มีงบน่าจะไปหัดเล่นโน้ตกะเค้าบ้างล่ะ

ดนตรีก็ถือเป็นอีกทางนึงที่ผมไว้คลายเครียดกับมันครับ ได้ระบาย ได้บอกถึงตัวตนความรู้สึกในตอนนั้น เวลาได้ร้อง ได้เล่นดนตรีแล้วรู้สึกผ่อนคลายดี ยิ่งช่วงนี้เป็นโรคกระเพาะ ก็ต้องผ่อนคลายเยอะๆ ครับ อันนี้ดนตรี และเสียงเพลงช่วยผมได้ ^^

Tuesday, July 10, 2007

เพลง เข้ากันไม่ได้ --- Loose pop (Eng Version)

เพลง "เข้ากันไม่ได้" ในเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงความไพเราะอยู่ครับ ผมฟังมาหลายๆ รอบล่ะ เพราะเหมือนฉบับภาษาไทยเลย ก็เลยไปหาเนื้อเพลงภาษาอังกฤษมาหัดร้องให้ได้อารมณ์แบบเพลงนี้บ้าง ^^

One day,I wake up just to realize.
That there is no more sunshine. And no more love in the sky...


Tried and tried to let go of what was mine, Love that I thought was so fine.
Keeps holding my heart,won't let go...


One kiss for goodbye. One touch for the last time.
Just one more chance to be in your life...
So deep,our love lies. Bring tears to my eyes,
To realize we're not meant for each other..


You walk right in to reality.
While my heart's still wild and free.
Dreaming of love that's not mine..


And now, we both choose our own lives.
Following our own Moonlight.
My heart still denies to let go.



























Sunday, July 8, 2007

ประเทศไทย...สังคมศักดินา?

คิดว่าหลายๆ คนคงจะอ่านข่าวที่ฮอตฮิตในช่วงนี้มาบ้างแล้วกับคดีที่มีหนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขับรถเบนซ์พุ่งชนผู้โดยสารรถเมลล์ข้างทาง ตายไป 1 บาดเจ็บอีกนับสิบ...พอวันต่อมา พ่อนักศึกษาหนุ่มดังกล่าวก็ออกมาจวก คนขับรถเมลล์ ที่เป็นคู่กรณี คดีก่อนหน้านั้นว่า "เป็นพวกไร้การศึกษา คิดว่าตัวเองจะต้องถูกรังแกเสมอ"

ผมเองก็ได้ฟังคลิปเรื่องเล่าเช้านี้เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนนึงก็คิดว่า ทำไมคุณสรยุทธ์ถึงปล่อยให้ พ่อคนนี้พูดข้างเดียว ปล่อยให้คำเหล่านี้หลุดมาได้อย่างไร เหมือนกับให้ประชาชนรุมประณามพ่อคนนี้มากขึ้น ดูเหมือนว่า พ่อคนนี้กำลังถูกคุณสรยุทธ์เนี่ยเล่นงาน กระชากเรทติ้งรายการไปเรียบร้อยแล้ว เพราะในอินเตอร์เน็ตนั้น คลิปรายการนี้มีให้ดูแทบทุกเวปไซต์ที่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าวนี้...

กลับมาที่พ่อคนนี้บ้าง ผมพูดตรงๆ ว่าผมนั้นไม่แปลกใจซักนิดเลยว่า ทำไมพ่อคนนี้ภึงดูถูกคนขับรถเมล์ว่าเป็นพวกชนชั้นล่างบ้างล่ะ พวกไร้การศึกษาบ้างล่ะ แต่ผมคิดว่า ไอ้เรื่องเนี้ยนะ ไม่ได้มีคุณที่คิดคนเดียวหรอก ใครที่อยู่กรุงเทพก็คงชาชินกับพฤติกรรมการขับรถที่กวนๆ ของรถเมล์กันบ้างอยู่แล้ว...แต่ที่สำคัญคือการพูดออกสื่อนี่สิ แสดงให้เห็นว่า การศึกษาไม่ได้ยกระดับจิตใจคนเลย...

มีคนไปสืบประวัติครอบครัวนี้เรียบร้อยแล้วครับ พบว่า ปู่ของคนนี้เป็นนายพลตำรวจ และเคยบริจาคที่ดินเป็นส่วนนึงของการสร้างมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 ชื่อนามสกุลของคนนี้ก็เลยกลายเป็นส่วนนึงของชื่อวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปเรียบร้อย

ก็นับว่า สร้างคุณประโยชน์ให้กับคนอื่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ...แต่การดูถูกคนอื่นว่าเป็นพวกไร้การศึกษา ชนชั้นล่างนั้น เอาอะไรมาวัด... เงินในกระเป๋า ความดังของนามสกุล หรือมีรถเบนซ์ขับ?

ผมก็เลยกำลังจะบอกว่าสังคมเราเป็นสังคมศักดินาครับ วัดค่าคนที่วัตภุนิยม ใครมีมากก็ถือว่า มีอิทธิพลมาก เหมือนกับในสมัยก่อนๆ ของไทยเราที่จะมีระบบศักดินา ที่พระเจ้าแผ่นดินจะแจกจ่ายที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ตามยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้ ก็จะลดลั่นกันตามพื้นที่ๆ ได้รับกันไป

และเรื่องราวสมัยก่อนก็จะคล้ายๆ กันครับคือ คนที่ได้รับศักดินามา ได้รับพื้นที่มากก็จะให้คนงาน แรงงาน คนยากคนจนเช่าที่นา โดยได้รับเงิน หรือ อาหารที่ได้รับการปลูกจากที่นานนั้นเป็นการตอบแทน...แต่อนิจจัง ที่ใดมีมนุษย์ที่นั่นมีความโลภ จึงมีการกดขี่กันเกิดขึ้นเป็นประจำเจ้าของที่ดินก็จะเก็บค่าเช่าเอามากๆ ส่วนคนทำนา หรือ คนชั้นล่างที่เค้าดูถูกกันเนี่ย ก็เลยคิดว่า เจ้าของที่ดินจะคอยกดขี่ รีดนาทาเร้น ตนเองอยู่เรื่อยเชียว...

นี่เป็นสาเหตุนึงที่ว่าทำไมชาวนาบ้านเราจน แต่เจ้าของที่ดินรวยเอาๆ...

มีพยานในเหตุการณ์ก็คือกระเป๋ารถเมล์บอกว่า หลังจากหนุ่มขับรถเบนซ์ชนผู้โดยสารแล้ว ก็มีประชาชนที่หลบกันทันหวุดหวิดรุมประชาทัณฑ์ คำว่า "ประชาทัณฑ์" นี่ก็แปลกนะครับ ให้อารมณ์ความรู้สึกว่า คนเราถูกรังแกจนต้องให้กำลังตนเองเข้าประทุษร้ายอย่างไม่คิดชีวิต มันทำให้เห็นอารมณ์ของคนเลยล่ะ...ต่อนะครับ ตำรวจก็เข้ามาห้าม กระเป๋ารถเมล์เห็นว่าระหว่างนั้น ตำรวจขยิบตาให้กับหนุ่มคนนั้น แล้วจากนั้นเขาก็ชัก เกร็งไปทั้งตัว เหมือนสั่งได้ ยังไงยั้งงั้น...

กระเป๋ารถเมล์ถึงกับพูดทั้งน้ำตาว่า รู้ว่าเป็นคนรวยแต่ทำไมถึงต้องทำกับคนจนๆ แบบนี้ ความยุติธรรมมีกับคนจนด้วยเหรอ?

แต่ก่อนตอนผมเรียนวิชารัฐศาสตร์ทั่วไป (ผมได้ A ด้วยนะ อิอิ) ผมก็จวกใหญ่เลยเรื่องสังคมศักดินาน่ะ เพราะอาจารย์ของผมน่ะอะไรๆ ก็ประชาธิปไตยซ่ะจนเว่อร์ ดียังงู้นดียังงี้ แต่ผมรู้สันดานมนุษย์ดีว่าไม่มีวันมีความเท่าเทียมกันได้หรอก สำหรับผม ผมคิดว่าประเทศเราปกครองระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบเปลือกนอกแค่นั้น ข้างในเรายังคงเป็นอมาตรยธิปไตยอยู่ ยังเป็นระบอบศักดินาอยู่

คนไทยเราชื่นชมคนมีตังค์ ดูถูกคนจน คนที่ด้อยกว่าเรา ชื่นชมวีรบุรุษคนจนที่ตอนนี้หนีไปอยู่ต่างประเทศ โกงกินบ้านเมืองแบบน่าเกลียด คงคิดว่าจะกลับมาช่วยทำให้คนจนมีกินได้...แต่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นมีใครพูดว่าจะทำให้คนจนมีกินมีใช้แล้วทำได้ซักที...

ผมเชื่อว่าสังคมศักดินาจะยังคงมีในสังคมไทยต่อไป และจะไม่มีวันที่จะมีคำว่า "คนเราทุกคนเท่าเทียมกัน และมีสิทธิ์เท่ากัน" ในเมืองไทยเด็ดขาด เพราะสิ่งนี้มันควบคู่กับ สังคมไทย คนไทยเรียบร้อยไปแล้วครับ...เพราะฉะนั้นเลิกคิดถึงการรณรงค์เรียกร้องประชาธิปไตย การเดินขบวนกันเถอะครับ สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่าในสังคมไทยหรอก แต่คุณกำลังที่จะตกเป็นเครื่องมือของคนพวกนี้ เพื่ออำนาจที่จะได้มาและตัวของเขาเองทั้งนั้นแหละ...

อย่าคิดว่าใครจะมาทำอะไรเพื่อคุณเลย อย่าได้นั่งรอนอนรอว่าสักวันนึงจะมีคนมาช่วยแก้จนให้...ศาสนาพุทธเราก็สอนอยู่แล้วว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เราไม่ช่วยตัวเองก่อนแล้วใครจะมาช่วยเรา

เพราะฉะนั้นคดีนี้ทำใจได้เลยว่า หนุ่มคนนี้ จะได้รับโทษแค่รอลงอาญาแน่นอน!!!...ฉะนั้น ผมขอยืนไว้อาลัยให้กับสังคมศักดินาของไทยเป็นเวลา 2 นาทีครับ - -"

Thursday, July 5, 2007

โรคกระเพาะนี่เอง...

จำได้ไหมครับที่ผมบ่นๆ ว่า หายใจไม่ค่อยได้ หายใจลึกๆ ไม่ได้ เมื่อวานผมไปหาหมอมาแล้วเนื่องจาก พ่อแม่ของผมบังคับให้ไปหาหมอเผื่อจะเป็นอะไรร้ายแรง ผลปรากฎว่า...ผมน่าจะเป็นโรคกระเพาะ - -"

อาจจะกินข้าวไม่ตรงเวลาส่วนนึง แต่ส่วนใหญ่น่าจะมาจาก ความเครียดลงกระเพราะ เลยทำให้เกิดลมจุกเสียดดันขึ้นทำให้หายใจติดขัด หายใจได้ลำบาก

ตอนแรกผมไม่ค่อยเชื่อหมอครับ อะไรจะกลับกลายเป็นโรคกระเพาะไปได้ หมอเลยให้ผมไปเอ็กซ์เรย์ปอดเพื่อความชัวร์ ตกลงปอดผมปกติ แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ ปอดกับหัวใจผมมันรูปทรงแปลกๆ ไม่เหมือนกับที่เคยเห็นในรูปภาพตอนเรียน มันยาวเกิน หัวใจผมรูปทรงไม่สวย ปอดก็เหมือนกัน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหนื่อยง่าย ที่แท้ ปอดกับหัวใจมันไม่กลม ดูท่าจะมีปริมาตรน้อย มันน่ากลัวเหมือนกันครับ...

สุดท้ายหมอก็ให้ยาแก้โรคกระเพาะ กับยาแก้เครียดมาชุดนึง...เภสัชที่จ่ายยาท่าจะตกใจว่าทำไมหมอถึงให้ยาแก้เครียด สงสัยว่าเป็นขนาดนั้นเลยหรอ จริงๆ แล้วใครเป็นผมคงไม่รู้หรอกนะครับ ผมมันเครียดอยู่ลึกๆ น่ะครับ...แต่หมอก็คงไม่จ่ายยาแรงๆ มาให้หรอก น่าจะแค่ยานอนหลับล่ะมั้ง

ผมอยากลองกินดูเหมือนกันว่า กินแล้วจะหายเครียดจริงไหม จะแบบว่า ลุกขึ้นมานั่งยิ้ม หัวเราะ เอิ๊กๆๆ อะไรประมาณนั้นรึเปล่า ไว้จะแอบกินวันที่ว่างๆ ดูสิว่าจะเป็นไงบ้าง อิอิ ^^

Tuesday, July 3, 2007

เหนื่อย เพลีย เครียด...

เหนื่อย เพลีย เครียด ... เป็นอาการ 3 อย่างที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้เลยล่ะ มันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตทำไมมันเหนื่อยยากยังงี้นะ

เหนื่อย...เหนื่อยที่ต้องมาคิด เหนื่อยที่ต้องไปเรียน เหนื่อยที่ต้องสร้างภาพ เหนื่อยที่ต้องทำทุกอย่างให้ดีเท่าที่จะทำได้ เหนื่อยที่ต้องไปหาข้อมูล ต้องทำงานส่งจารย์ เหนื่อยไปหมด

เพลีย... รู้สึกว่า แม้ว่าได้นอนสักนิดแล้วก็ยังรู้สึกว่าเพลียอยู่ดี ขนาดตอนไปเรียนก็ยังรู้สึกว่าเพลีย ทำไมการเรียนมันน่าเบื่ออย่างนี้ ทุกวันนี้ผมต้องกลับมานอนกลางวันชดเชยตอนกลางคืนที่นอนน้อยไป อาจจะทำให้ผมรู้สึกเพลียก็ได้

เครียด...เครียดในหลายๆ เรื่อง ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงเครียดนะ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้คิดจะเครียดแม้แต่นิดเดียว แต่ความเครียดน่ะ มันอาจจะฝังอยู่ในหัวผมไปแล้ว มันอาจจะเครียดอยู่ภายในโดยอัตโนมัติก็ได้

บอกได้คำเดียวว่า เป็นทุกข์ จริงๆ กับชีวิตช่วงนี้ แต่มีคนเคยบอกว่า หากผ่านช่วงนี้ไปได้แล้วล่ะก็ชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ...เค้าบอกว่า ปีนี้น่ะ ผมจะเหนื่อยแสนสาหัส จะรู้สึกท้อ รู้สึกเป็นทุกข์ อยู่ทั้งปี แต่จะเริ่มคลีคลายไปในทางที่ดีขึ้นในปีหน้า และจะดีแบบว่า คุ้มค่ากับการเหนื่อยในปีต่อไป...

ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นรึเปล่านะ...ถึงแม้ว่าแอบจะคิดเล็กๆ ว่า ช่วงนั้นก็คงจบโทพอดี ก็คงจะมีสิ่งดีๆ รออยู่ข้างหน้า อาจะเป็นไปได้ว่าได้เจอสิ่งดีๆ หรืออาจจะได้ทุนไปเรียนเอกก็ได้...มั้ง

แต่ตอนนี้เหนื่อยเหลือเกินครับ... - -"

Sunday, July 1, 2007

What's can I do!

ตัวของผมในตอนนี้มองดูในมือทั้งสองข้างของผม แล้วก็ถามกับตัวเองว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ในมือทั้งสองของผมมันว่างเปล่า มันเป็นความรู้สึกที่จับต้องอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้...ผมรู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ

ผมรู้สึกทรมานแบบไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่เจอ สิ่งที่ได้เห็นมันทำให้ผมรับรู้ในความทุเรศของตัวเอง ที่ไม่อาจจะทำอย่างที่ใจอยากจะทำได้...ผมเคยคิดว่า จะสามารถอดทนรอได้ แต่ผมรู้ตัวเองว่าผมทำไม่ได้ ผมรอไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อาจจะก้าวเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน...

ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองว่า ทำไม ทำไมวะ ทำไม สิ่งที่ผมต้องการมันอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว แค่ก้าวเดินออกไป แค่นั้นก็ได้แล้ว ...แต่สำหรับผมแล้ว จะเดินไปคว้าไม่ได้เลย เหมือนผมรู้ว่า ต่อให้เดินไป ต่อให้เอื้อมมือไปยังไงก็ไม่มีวันจะคว้าได้...

ผมแทบจะบันดาลความเป็นไปในชีวิตของผมได้อย่างที่คิดไว้ทั้งหมด แต่มีเพียงเรื่องเดียว มีเพียงสิ่งเดียว ที่ผมต้องการ แต่ผมไม่ปัญญาจะทำ รึแม้แต่จะคิดทำด้วยซ้ำ...

ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย เมื่อต้องมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะหายวับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือจะมีใครคว้าไป ต่อหน้าต่อตาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมคงทนไม่ได้ ผมคงยอมรับไม่ได้ที่จะเห็น ที่จะเจอสิ่งที่ทำร้าย ทำลายจิตใจของผมได้ถึงขนาดนั้น...

ใจนึงก็อยากคว้าตั้งแต่ตอนนี้ แต่จิตสำนึกผมมันบอกว่า "เป็นไปไม่ได้" ไม่มีทางที่คนอย่างผมจะทำได้ ไม่มีโอกาสแม้เพียงซักเล็กน้อย ไม่มีเลยจริงๆ...

มีคนเคยบอกผม ก็เริ่มทำเลยสิวะ จะชักช้าอยู่ใย แต่ข้างในใจผม มันกำลังทรุดอยู่ มันกำลังบอกว่ากับตัวของผมว่า "ทำไม่ได้" ทั้งน้ำตา ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ แต่ไม่มีปัญญาทำได้...

สิ่งที่ผมจะทำได้ต่อไปคือ จะต้องอดทน อดทนเท่านั้น แม้ว่าภายในใจจะต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน ก็ต้องทน ทนว่าวันนึงจะมีปัญญา จะมีโอกาสมากขึ้น พอที่จะเห็นทางได้...

มันทรมานเหลือเกินครับ...ชีวิตผู้ชายอย่างผม ไม่เคยต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมคิดว่า สิ่งนี้มันทำให้ชีวิตของผมอ่อนแอลงอย่างแรง แต่ไม่รู้ทำไม ผมยอมแลกกับทุกอย่างในชีวิตได้ รวมทั้ง "ศักดิ์ศรี" ที่ผมเห็นว่ามันสำคัญเท่าชีวิตผมเอง...

ผมต้องอดทนรอเท่านั้น รอ "ทาง" ที่ผมจะสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ถ้าผมทำได้ ผมมั่นใจเหลือเกินว่า วันนั้นจะเป็นวันของผม...หวังว่านะ TT