Sunday, June 17, 2007

ศึกแย่งชิงมวลชน...

หัวข้อที่ผมเขียนในวันนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างยิ่ง จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับการเมือง ไม่สิ สังคมมนุษย์มาตั้งแต่มีมนุษย์ขึ้นมาแล้วล่ะ...

การแย่งชิงมวลชน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการแก่งแย่งชิงดีกันของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้มันหมายถึง การได้มาซึ่งกำลังที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม การได้มาซึ่งอำนาจ หรือการได้มาซึ่งคลังมันสมอง ผู้สนับสนุน ที่จะช่วยให้เป็นใหญ่ได้...

ในตอนก่อนๆ ผมเคยเขียนถึง "ซุนวู" ไว้ว่า "รู้ฟ้า รู้ดิน รบจักไร้พ่าย" คำว่า "รู้ฟ้า" นี่ล่ะครับ คือ การรู้ถึงจิตใจประชาชน และการนำมาใช้ประโยชน์เพื่อช่วงชิงอำนาจ คนที่รู้ถึง เข้าใจ และสามารถนำสิ่งนี้มาใช้ได้นั่นล่ะ คือผู้กำชัยชนะอย่างแท้จริง...

เคยเล่น หรือ เคยรู้มาบ้างใช่ไหมครับว่า ในเกมหมากรุกนั้น "ขุน" ห้ามตาย หากตาย ไม่ว่าจะมีกำลังเหลือมากแค่ไหน ถ้าขุนตาย ก็จบเกม ก็แพ้... เพราะขุนนั้น แฝงความนัยถึง ความสามารถในการแก่งแย่งชิงมวลชนได้อย่างง่าย แม้จะอ่อนแอกว่าตัวอื่น แต่หมากทุกตัวในกระดานล้วนจะต้องปกป้อง ขุน ที่ว่าอย่างไร้เงื่อนไข แม้ว่าตัวเองต้องตายก็ตาม...

ผมจะพูดถึง 2 แนวคิดหลักนะครับ ก็คือ มนุษย์เท่าเทียมกัน และมีเสรีภาพ กับ มนุษย์อยู่ภายใต้อำนาจของผู้นำ ที่มีคุณธรรมแห่งฟ้าอยู่ในจิตใจ... อันแรกก็คือประชาธิปไตยไงครับ ส่วนอันที่สองก็คือ ระบอบกษัตริย์นั่นเอง...แต่ไม่ว่าแนวไหน ก็ต้องอาศัย "ฟ้า" หรือ มวลชนเช่นเดียวกัน เพียงแต่แนวคิดที่สอง มีความชอบธรรมที่จะใช้มวลชนได้ อย่างไม่มีเหตุผล...

ให้คนปกป้อง ให้คนอื่นสละชีพให้ หรือทำงานให้ด้วยความเต็มใจ เพราะเขาเหล่านั้นมีคุณลักษณะแห่ง "ฟ้า" อยู่ภายใน ไม่งั้นคงไม่มีใครยอมทำเช่นนี้...แต่เคยคิดไหมครับ ว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ หรือต้องยอมสละชีวิตของตนด้วย? ทั้งๆ ที่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของชีวิตของตนเองทั้งนั้น ซึ่งตรงกับแนวทางที่หนึ่ง

แต่มนุษย์เองก็ปฏิเสธไม่ได้ ถึงความจำเป็นของผู้นำ ต่อระบบสังคมของมนุษย์ได้ ดังนั้น "ผู้นำ" จึงอาศัยเหตุผลเหล่านี้ใช้มวลชนเพื่อประโยชน์ของตน เอาเป็นว่าผมเรียกว่า "กิเลส" จะดีกว่านะครับ...

บ้านเมืองเราในเวลานี้ก็เป็นการต่อสู้กันของคน 2 กลุ่มคือ กลุ่ม คมช. และกลุ่มของทักษิณ โดยมีมวลชนของแต่ล่ะฝ่าย หรือ อำนาจของแต่ล่ะฝ่าย คอยสู้กัน และชิงมวลชนกันด้วย...

ฝ่ายกลุ่มทักษิณอ้างความชอบธรรมในฐานะอดีต นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 19 ล้านเสียงที่เขาภาคภูมิใจ และข้ออ้างที่ครอบครัวถูกรังแก เพื่อปลุกระดมมวลชน "รากหญ้า" ของตนเอง ดึงให้ผู้ที่เห็นดีด้วยกับ คมช. มาสนับสนุนตน และดึงฝ่ายที่ไม่ฝักไฝ่ผู้ใดมาเป็นพวก...

ฝ่าย คมช. ก็อ้างการทุจริต คอปรัปชั่น ปฎิวัติการปกครอง แล้วจะคืนอำนาจการปกครองให้ประชาชนทีหลัง เมื่อบ้านเมืองเรียบร้อย และจะจัดการปัญหาทุจริตในรัฐบาลที่ผ่านมาให้ประชาชนเห็น...โดยฝ่ายนี้จะมีกำลังทหารเป็นหลัก เพียงแต่ด้านมวลชนถ้าสนับสนุนจะอยู่เฉย เห็นด้วยกับการกระทำของ คมช. แต่ถ้าเมื่อไหร่แปรพักตร์ก็จะไปชุมนุม ขับไล่ คมช. นั่นแหละ

ตอนปฏิวัติ 19 กันยา ที่ผ่านมาผ่านไปด้วยความสงบ ไม่มีความรุนแรง ประชาชนในกรุงเทพต่างเห็นด้วยกับการปฏิวัติครั้งนี้? เพราะความชอบธรรมในตัวท่านผู้นำทักษิณเปลี่ยนไป มวลชนเลยเข้าข้างทหาร...

แต่สถานการณ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ทหารไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ได้แสดงถึงการตรวจสอบ นำผู้ทุจริตมาลงโทษอย่างแจ่มแจ้ง...ทำให้มวลชน หันไปหาฝ่ายทักษิณ...

ฝ่ายทักษิณเองก็ไม่รอช้า รีบปลุกระดมมวลชนกลับมาฝ่ายตนเองให้มากที่สุด...จากการต่อสู้กันของสองฝ่าย มวลชน ล้วนเป็นตัวตัดสินชัยชนะ และความชอบธรรมที่มาจากชัยชนะนั้น... และหากมีการสูญเสีย ความรุนแรง คงหนีไม่พ้นเหล่ามวลชนที่จะบาดเจ็บ...

เพราะฝ่ายทักษิณกำลัง "เชิด" มวลชนที่ตัวเองมีไปต่อสู้ ปกป้องตนเอง จากกำลัง อาวุธของ คมช. หากมวลชนบาดเจ็บ ก็เข้าทางตนเอง และเพียงพูดปลอบใจ ก็มีคนพร้อมที่จะไปตายแทนได้...

ที่ผมจะพูดก็คือ "อย่าได้หลงมัวเมาไปกับกระแสความอยาก หรือ กิเลสของคนชั่ว พาตัวเองไปสู่จุดจบ" ด้วยข้ออ้างต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะคำว่า "เพื่อประชาชน" เป็นคำพูดที่ใช้มากและช่างมีพลังเหลือเกิน...

สุดท้ายฝ่ายที่จะชนะก็จะอาศัยฐาน "มวลชน" ที่มี หรือเปรียบได้กับ หมากในกระดานหมากรุก คอยปกป้องตนเองจากศัตรู พอได้รับชัยชนะก็จะเหยียบมวลชนเหล่านั้นขึ้นไปสู่อำนาจ...หรือ "กิเลส" ของตนเองนั่นเอง

No comments: