Saturday, June 16, 2007

เป็นมิตรยามทุกข์ เป็นศัตรูยามสุข...

ไม่มีใคร ไม่หลงมัวเมาอยู่ในอำนาจ และก็ไม่มีใครที่สามารถยิ่งใหญ่เทียมฟ้าได้ตลอดกาล นั่นคือ ส่วนนึงในความเป็นจริงของโลกใบนี้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบการมีอำนาจล้นฟ้าอยู่ในมือ เพราะอำนาจเหล่านั้น สามารถนำพาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเหล่านั้นต้องการมาอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ เงินทอง ผู้หญิง หรือแม้แต่ การกำหนดชะตาชีวิตของผู้อื่น...

ส่วนคนอื่นที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนอื่น ก็ย่อมที่จะแสวงหาทางหลุดพ้น เป็นไทแก่ตัว รึไม่ก็สร้างอำนาจ เพื่อรอว่าสักวันนึงจะสามารถช่วงชิงอำนาจ จากคนที่อยู่สูงกว่าได้ และได้สิ่งที่ผู้มีอำนาจคนนั้นเคยมีมาไว้เป็นของตัว...

หนทางสร้างอำนาจมีมากมายครับ แต่สิ่งที่ผมจะเขียนวันนี้ก็คือ "การผูกมิตร" การสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างกันเพื่อช่วงชิงอำนาจที่ว่านี่มา หรือแม้แต่การที่จะ "ช่วยเหลือกัน" จากการถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจ...

ในสมัยก่อน หรือแม้แต่สมัยนี้ก็ตาม ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ล้วนแต่เก่งในการผูกมิตร มีพันธมิตรที่เข้มแข็งคอยช่วยเหลือกันทั้งสิ้น นับว่า "ความสามารถในการผูกมิตร" เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของผู้มีอำนาจทุกคนทีเดียว...

แม้ว่าการผูกมิตรจะมีคุณประโยชน์มหาศาล แต่มันก็ล้วนมีโทษที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงเหมือนกัน นั่นคือ "เป็นมิตรยามทุกข์ได้ แต่ไม่อาจเป็นมิตรยามสุข" เมื่อพันธมิตรสามารถครอบครองอำนาจไว้ได้ ใครล่ะที่ไม่อยากจะได้อำนาจทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว? ใครล่ะที่ไม่อยากจะมีอำนาจเหนือผู้อื่น?...

สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการระแวงกันเกิดขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์จากอำนาจมันมากมายเหลือเกิน แต่ที่สำคัญคือ คำว่า "ผลประโยชน์" มันเปลี่ยนแปลงคนเราได้... เหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือ การหักหลัง หรือ แทงข้างหลัง คนที่เคยเป็น "เพื่อน" กันนั่นเอง

มาถึงการคบเพื่อนก็เช่นเดียวกันครับ หากต้องการร่วมหัวจมท้ายกันตลอดไป จำเป็นต้อง "มอง" เพื่อนคุณเหล่านั้นให้ออกว่าเขามีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร มีความสามารถ พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่?...

ที่สำคัญคือ จะสามารถร่วมสุขในอนาคตด้วยได้หรือไม่?

การมีเพื่อน มีมิตรมาก คอยช่วยเหลือ ล้วนเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือเรื่องนี้...ขอฝากเอาไว้แค่นี้แล้วกันครับ คนเรามองกันยาก หากพลาดพลั้งไปอาจจะทำให้ต้องสูญเสียมหาศาล โดยเฉพาะชีวิตของเราก็อาจรักษาไม่ได้เหมือนกัน...

No comments: