Saturday, September 29, 2007

ฉางก่วนจิง - ศาสตร์แห่งการยืดหยุ่นพลิกแพลง

หนังสือใหม่ที่ผมซื้อมาเมื่อวานนี้เองครับ ลดแล้วเหลือ 315 บาท อิอิ...

"ฉางก่วนจิง" เป็น คัมภีร์ชุมนุมภูมิปัญญาการปกครองแบบจีนสมัยโบราณ เพื่ออธิบายศาสตร์และศิลป์แห่งการยืดหยุ่นพลิกแพลง วิถีแห่งธรรมและอธรรม กโลบายแบบหยิน หยาง กลวิธีลับและเปิดเผย คุณสมบัติของผู้นำ การพิเคราะห์คน การใช้คน และกุศโลบายการปกครองแบบเหนือชั้น...ว่าไปนั่น

หนังสือแทบทุกเล่มย่อมมีคำนิยม หรือคำที่เชิญชวนผู้อ่านให้เกิดความสนใจในเรื่องราวของหนังสือเล่มนั้นๆ เล่มนี้ก็มีครับ เขายกตัวอย่างว่า...

"นายชั้นยอด เลือก "ครู" เป็นผู้ช่วย นายชั้นกลาง เลือก "สหาย" เป็นผู้ช่วย นายชั้นต่ำ เลือก "ข้าราชการเป็นผู้ช่วย" นายที่ใกล้พินาศเลือก "ทาส" เป็นผู้ช่วย"

เขาอธิบายถึงการเลือกนาย ซึ่งมีความสำคัญมากในสมัยโบราณ รวมทั้งนายเองเลือกผู้ช่วย หรือกุนซือด้วยครับ คงเคยได้ยินบ้างใช่ไหมครับว่า "หงส์อ่อน มังกรหลับ แม้ได้มาเพียงหนึ่ง จักได้ครองแผ่นดิน" คำๆ นี้ได้ให้ความสำคัญกับคน และการใช้คนเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ...

แต่สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกล ผิดยุดผิดสมัยก่อน มีการพึ่งพาเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์ซ่ะแล้ว แต่ยังไงๆ คนอ่านเองก็ต้องเลือกบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามยุคตามสมัย ตามแก่กาละเทศะ จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดครับ...

ทำไมผมถึงชอบอ่านหนังสือประเภทนี้น่ะหรือครับ?...ไม่รู้ผมเคยบอกไปรึยังว่า คนอ่านหนังสือประเถทนี้หากเกิดกิเลสครอบงำ ก็จะยิ่งทำให้มีแต่ความโลภเอาเปรียบคนอื่นไม่มีที่สิ้นสุด การได้อ่านทำให้ผมเข้าใจ "คน" รู้วิธีที่จะป้องกัน แก้ไข รวมทั้งไม่หลงมัวเมาในอำนาจในอนาคตล่ะครับ...

ผมเตือนตัวเองอยู่เสมอครับว่า ยิ่งมีอำนาจในมือมากเท่าไหร่ ก็ต้องมีคุณธรรมมากเท่านั้น...เปรียบได้กับ "ความรู้ คู่คุณธรรมครับ" ^^Y

Sunday, September 23, 2007

When am I doing to die?

คุณรู้ตัวไหมครับว่าคุณน่ะ จะตายเมื่อไหร่ หากพูดไปแบบนี้มันก็เหมือนกับแช่งกัน แต่ความเป็นจริง คุณก็ต้องตายไม่วันใดก็วันนึง จริงไหม? ครับ งั้นก็ลองมาดูซิวันคุณน่ะ จะตายเมื่อไหร่กับเวปนี้ www.deathclock.com

เท่าที่ผมดูน่ะ เหมือนจะวัดกันที่การใช้ชีวิตประจำวันและสุขภาพมากกว่า ไม่ได้บ่งบอกแบบว่าดวงคุณจะตายตอน 90 อะไรแบบนี้...จะยังไงก็ตามลองทำ ลองวัดดูก็ไม่เสียหายนะครับ อย่างน้อยก็พอรู้ว่าหากคุณใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ร่างกายคุณจะพอไหวได้ซักกี่ปี?...อิอิ

ผลปรากฎว่าของผม จะตายวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2058 หรือถ้านับแบบลวกๆ ก็อีก 51 ปีแหละครับ ผมคงจะตายตอนอายุ 74 ...เฮ้ยยย ต้องบอกว่าอายุ 73 สินะ ที่จะตายน่ะ เพราะยังไม่ถึงวันเกิดผมเลยนี่นะ

แต่ผมก็เคยคาดไว้นะครับว่าคงอยู่ไม่น่าจะอยู่ถึงอายุ 70 แน่ๆ เหมือนรู้ตัวว่าจะอายุไม่ยืน คงตายอายุประมาณที่ว่านี่แหละ สรุปก็คือ ผมคงใช้เวลาเรียนครึ่งชีวิต และทำงานอีกครึ่งชีวิตตามที่คาดไว้จริงๆ...เอาล่ะครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทุกๆ คนคงรู้แล้วสินะว่าเวลาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากตอนนี้มีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำล่ะก็ ลงมือเลยนะครับ ก่อนที่จะตายก่อน...เอิ๊กๆ ^^Y

Thursday, September 20, 2007

ดวงชะตาและอุปนิสัยเฉพาะตัวจากปลายนิ้ว

เป็นความจริงที่ยอมรับกันแล้วว่าแต่ล่ะคนบนโลกใบนี้มีชุดลายนิ้วมือที่แตกต่างกันหมด ชาวจีนได้คิดค้นวิธีที่จะอ่านลักษณะพิเศษด้านบุคลิกและโชคชะตาโดยการศึกษาริ้วคลื่นและวงกลมที่ปรากฎอยู่บนปลายนิ้วมือของแต่ล่ะคน ซึ่งจริงๆ แล้วเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณว่า ตระกูลดังๆ จะตรวจสอบนิ้วมือของหญิงที่จะมาเป็นลูกสะใภ้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่รับผู้หญิงที่มีลายนิ้วมือแบบสลับไปมาระหว่างวงกลมและริ้วคลื่น เพราะเชื่อว่าลักษณะนี้จะนำปัญหามาสู่ตระกูล ควบคุมยากและมักจะก้าวร้าวมาก...

ผมไปเจอบทความๆ นึงที่บ่งบอกได้ถึงโชคชะตาและบุคลิกลักษณะนิสัยตามลายวงกลมและริ้วคลื่นบนปลายนิ้วทั้งห้าในแต่ล่ะมือ โดยผู้ชายดูที่มือซ้าย และผู้หญิงดูที่มือขวา โดยให้เริ่มอ่านจากนิ้วโป้งก่อนแล้วไปนิ้วชี้ กลาง นาง ก้อย นี่คือลำดับที่บ่งบอกนัยเกี่ยวกับดวงชะตาและโชคลาภในชีวิตของคุณ ดังรูป...

เพื่อให้ง่ายจะใช้ O แทนวงกลม และ W แทนริ้วคลื่นนะครับ...

ผมก็เริ่มดูนิ้วมือซ้ายของตัวเองอย่างถี่ถ้วน ค่อนข้างดูยากเหมือนกัลระหว่าง วงกลมก้นหอย กับริ้วคลื่นที่เหมือนจะเป็นวงกลมแต่ไม่ใช่ จริงๆ แล้วมันเป็นริ้วคลื่นที่มาบรรจบกัน หลังจากที่ลองเพ่งดู จนปวดตา ผลปรากฎว่าเป็น WOOWW นั่นก็หมายความว่า...

"คุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และมีนิสัยรักสงบ ดังนั้นคุณจึงเป็นคนที่สามารถประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพราะความทะนงตัวของคุณเอง อาจทำให้คุณไปล่วงเกินผิดคนเข้า"

พอดูคำทำนายผมก็คิดๆ ดูว่ามันอาจจะจริงนะครับ เพราะผมนี่นิสัยพูดแบบตรงไป ตรงมา และไม่ค่อยถนอมน้ำใจคนเท่าไหร่ แม้ว่าผมจะรู้ว่าคนนี้ควรจะพูดยังไงถึงจะดี แต่ก็ไม่ชอบพูด คือไม่ชอบโกหกหลอกหลวงน่ะ คิดยังไงก็พูดยังงั้น...มีคนเคยบอกผมไว้ว่า ผมจะได้ดีเพราะคำพูด แต่ก็บอกว่าต้องระวังคำพูดตัวเองไว้ด้วย อาจส่งผลร้ายกับชื่อเสียงตัวเองได้ จากปากนี่แหละครับ ^^"

ดูนิ้วมือของเองเป็นยังไงบ้างครับเนี่ย ได้ผลยังไง? ถ้าอยากรู้ล่ะก็ คอมเม้นต์ไว้แล้วกันนะครับ ผมจะมาตอบให้ จริงๆ ขี้เกียจเขียน เพราะมันเยอะแล้วก็ก๊อปวางไม่ได้ ว่าแต่ จะมีใครเข้ามาดูไหมเนี่ย? - -"

Tuesday, September 11, 2007

เป็นเกย์แล้วสามารถกลับเป็นผู้ชายแท้ๆ ได้ไหม?

วันนี้ผมเข้าไปอ่านข่าว ดูกระทู้ตามปกติ พอดีเจอหัวข้อกระทู้ที่น่าสนใจเรื่องนึง ที่ว่า "เกย์สามารถกลับใจเป็นผู้ชายแท้ๆ ได้มั้ย?"...คิดว่ายังไงกันครับ?

คนตอบกระทู้ส่วนใหญ่ เรียกว่าหมดเลยก็ได้นะ บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้หร๊อกกกก...ผมเองก็เชื่อยังงั้นว่า เป็นเกย์ไปแล้วไม่แคล้วต้องเป็นตลอดไป เอิ๊กๆ...ผมว่านี่มันเป็นปัญหาของผู้หญิงหลายคนเหมือนกันนะ คบกับผู้ชายที่แมนๆ ที่คิดว่านิสัยดิ๊ดีสักคนนึง นอกจากต้องระแวงว่าจะมีผู้หญิงอื่นมาให้ท่า แอบไปมีกิ๊ก เผลอๆ ต้องมาระวังผู้ชายอีก วันนึงอาจจะต้องบอกว่า "กรี๊ดดด...แฟนหนูโดนผู้ชายอื่นแย่งไปแล้ว" ก็เป็นได้ เอิ๊กๆ

ผมมีเพื่อนเป็นเกย์คนนึง (ต้องบอกว่าเป็นเกย์สินะ เพราะมันแต่งชาย แต่แต๋วแตก)มันบอกว่า ข้างหน้าเนี่ยมันงั้นๆ สู้ข้างหลังไม่ได้ มันกว่าเยอะ แถมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังด้วย ผมบอกไม่ต้องล่ะครับพี่ เกรงใจ เด๊วจะอ้วกแตกไปซ่ะก่อน...ง่า

สรุปว่า เกย์ก็ย่อมเป็นเกย์ วันยังค่ำนะคร๊าบ จะให้เค้าชอบข้างหน้าเหมือนข้างหลังก็คงไม่ได้เนอะ ^^ สุดท้ายมีกลอนมาฝาก เห็นว่ามันฮา ดี...อิอิ

แม้แต่ โจรร้าย ทั้งหลายแหล่
เวลาแก่ ก็ยัง หันหลังกลับ
แต่พวกเกย์ ไปแล้ว ไปลับ
ไม่ยอมกลับ ทั้งตัว และหัวใจ

แม้นว่าเกย์ ได้หน้า กันมาแล้ว
แต่ไม่แคล้ว กลับไป ได้ข้างหลัง
เพื่อนหญิงเอย ขอให้ จงระวัง
ถึงเสียหลัง มิอาจรั้ง หัวใจเกย์

o_O!!!

เครดิตคุณ m;o เวป mThai ครับ ^^Y

Monday, September 10, 2007

Scorpion Kick!!! o_O!!!

อะไรจะยิงกันเทพขนาดนั้น แต่จริงๆ แล้วยิงกันง่ายๆ จะดีกว่าไหม? - -"



Uploaded by
Super-Goal.info

Sunday, September 9, 2007

Beautiful Girls --- Sean Kingston

“Beautiful Girls” เพลงของนักร้องแร็กเก้หน้าใหม่นาม Sean Kingston ซิงเกิลนี้ตัดมาจากอัลบัม Sean Kingston. ซึ่งตอนนี้เพลงนี้กำลังเป็นที่นิยมในอเมริกามากๆ และติดอันดับ 1 ใน Billboard Hot 100 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยครับ

ตัวเพลงเป็นแนว แร็กเก้-ป็อป ฟังสนุก ซึ่งอัลบัม Sean Kingston นี้ได้วางจำหน่ายไปแล้วในอเมริกาในวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา

อันนี้เนื้อเพลงจ้า...ปล.ใครแปลได้ช่วยแปลที ^^"


Sean Kingston - Beautiful Girls lyrics

เพลง อบเชย --- Armchair (Pastel Mood)

เพลงของวง Armchair เก่าอย่างแรง จำได้ว่าเป็นอัลบั้มแรกของวงนี้เลยล่ะ มีคนบอกว่าอัลบั้มแรก กับอัลบั้มที่สองน่ะ เพราะที่สุดเพราะนักร้องนำยังเสียงดี พออัลบั้มที่สามเริ่มแย่เพราะกินเหล้าหนัก ไม่รู้จริงเปล่าไม่รู้ครับ แต่ผมว่าน่าจะจริงนะ...

เพลงนี้เป็นเพลงที่เหมือนจะฟังแล้วจะหลงยุคไปยุคของพ่อแม่เราเลยล่ะนะ แต่ผมว่า มันได้อารมณ์ดีกับเพลงเพราะๆ ฟังสบายๆ ผสมผสานกับภาษาเพลงยุคเก่า ความหมายดี ที่ไม่ใช่โต้งๆ เหมือนกับเพลงในปัจจุบัน ไม่แปลกใจเลยล่ะว่านักร้องสมัยก่อน ทำไม๊...คนติดกันจริงๆ ไม่ใช่แบบฉาบฉวยอย่างสมัยนี้...จริงไหมครับ

ผมคิดไว้ว่าหากแต่งงานแล้ว ก็อยากจะร้องเพลงนี้ให้ภรรยาฟังเวลาเธอมีความทุกข์ มันคงจะพอช่วยได้บ้างนะ...จริงอยู่ว่าผมชอบผู้หญิงที่ร่าเริงสดใส ยิ้มเก่ง แต่เธอก็คงจะต้องมีเรื่องที่ต้องทุกข์ใจบ้าง สิ่งเหล่านั้นก็คงจะทำให้เธอไม่สดใสเหมือนเคย...ผมก็อยากที่จะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ให้เธอกลับมายิ้มได้ล่ะ...

ถ้าคุณฟังเพลงนี้เข้าใจแล้วล่ะก็ คงจะเข้าใจความรู้สึกของผมที่คิดจะบอกแล้วล่ะ...อิอิ ^^Y

ศิลปิน : อาร์มแชร์ (Armchair)
อัลบั้ม : Pastel Mood
เพลง : อบเชย

วันนี้เธออาจจะร้องไห้ หัวใจอาจจะว้าเหว่
สรรพสิ่งหริ่งเรไรคร่ำครวญ กำสรวญจิตใจ คล้ายน้ำตา

* ฮืม...ความรักที่จบด้วยร้าวราน รักที่ทำให้หมองหม่น
อยากจะแบ่งสิ่งที่เธอทุกข์ทน ด้วยคนเถิดหนา

** จะขอดวงดาราบนนภา มาช่วยปลอบใจฤดีดวงใจขวัญตา
ขวัญเอยพี่เคยหวงกระนั้นเลย ฝากลมรำเพย พัดเบาๆ

*** โอ้เอยเจ้าอบเชย นะเจ้าเอย ไม่เคยให้หมองหม่น
โอ้เอยนะเจ้าเอย เจ้าอบเชย เจ้าไม่เคยได้พักใจ
ไม่มีอะไรจะทำร้าย ปล่อยตามสบาย
สิ่งใดๆที่กล้ำกรายก็จะหายไป
นอนเสียเถอะหนา

(ซ้ำ * , ** , ***)
ฉันขอเพียงให้เธอหลับ นอนเสียเถอะหนา
ฉันขอเพียงให้เธอหลับ หลับลงเถอะนะ


Friday, September 7, 2007

กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย?...

ช่วงนี้มีเวลาก็ขอพักผ่อนบ้างก็ดีครับ เข้ามาเล่นเน็ตฟังเพลง ก่อนที่จะตั้งใจทำงานจริงๆ เมื่อวานผมนั่ง copy and paste งานทั้งวัน ปวดตา ง่วงนอนมากๆ แต่ก็อยากเล่นเกมก่อนนอนก็เลยเล่น winning ยิงประตูไปจนอิ่ม ฝันดีเลย...งานเอาไว้ก่อนเนอะ แต่ตอนนี้เริ่มง่วงอีกล่ะ กำจริงๆ...ผมนี่ต้องนอนเยอะๆ หัวถึงจะแล่นนะ เฮ้อ

ปกติผมก็ชอบดูอะไรที่ทายนิสัย ชอบดูว่ามันจะตรงไหม อย่างวันนี้ผมไปดูเรื่อง "กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย" ก็เลยเอามาคิดๆ ดูว่านี่ตรงกับนิสัยผมเองไหม? ปล.ผมเลือดกรุ๊ป A นะ

กรุ๊ปเลือด A : นิสัยพื้นฐานของคนกรุ๊ปเลือด A คนกรุ๊ป A เป็นคนที่ค่อนข้างจะรอบคอบสุขุมและไว้ตัวนิดๆแต่ไม่ถึงกับหยิ่ง เขาค่อนข้างจะโดดเด่นหรือเป็นหนึ่งอยู่เสมอจนบางครั้งดูเป็นคนที่จริงจังเกินไป พวกเขาจะทำอะไรมักวางแผนการหรือล็อกโปรแกรมเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ ไม่ชอบจับแพะชนแกะถึงจะแก้เฉพาะหน้าได้เก่งพอตัวก็เถอะ

จริงๆ ก็ตรงมากเหมือนกันนะครับ ผมภายนอกดูสุขุมก็จริง แต่หากเร่งรีบทำอะไรล่ะก็ ถึงมันจะไวได้ใจ แต่ก็จะผิดพลาดง่ายๆ เสมอ เรียกว่าผมเนี่ยต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ คิดวางแผนก่อนจะทำอะไรเสมอๆ เลยล่ะ อีกอย่างผมเป็นคนที่จริงจังมาก หากตั้งใจก็จะตั้งใจจริงๆ สังเกตว่านี่เป็นโรคกระเพาะไปเรียบร้อย เพราะเครียดกับอนาคตที่กดดันผมจริงๆ เรื่องวางแผนไว้ล่วงหน้าเนี่ย ผมชอบถูกว่าเสมอๆ ว่าคิดอะไรไกลเกินไป อย่างที่บอกก็คือ ผมน่ะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้สบายๆ แต่แค่ไม่ชอบการเร่งรัดที่จะแก้ปัญหาที่จะตามมา เลยชอบคิดแก้กันไว้ก่อน คนอื่นเลยมองผมแบบนั้น จริงๆ แล้วผมน่ะทำตามที่คิดไว้ได้เกือบ 100% เลยล่ะ (โม้จริง - -")

หนุ่มกรุ๊ป A : ข้อดีของเขา เขาเป็นคนไม่ดื้อรั้น แม้จะเชื่อมั่นในตัวเองก็ยังยอมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจาก ผู้คนรอบข้างเอามาไว้ปรับปรุงตัวเอง ถ้าคิดจะทำอะไรเล่นๆกับเขาละก็คิดผิดถนัดเลยทีเดียว เขาเป็นคนเข้าใจอะไรที่ยากๆได้ง่าย ถึงคุณจะนินทาว่าร้ายเขา เขาก็ไม่สนใจ ไม่โกรธ เป็นสุภาพบุรุษ ต่อให้ไม่ชอบใจยังไงก็ไม่ยอมแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็น จะคิดให้ดีก่อนพูดก่อนทำจะพึ่งพาอะไรเขาก็ทำให้ น่ารักไหมล่ะหนุ่มเลือดกรุ๊ปนี้ ข้อเสียที่คุณควรรู้เขาเป็นคนลังเลใจมากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณ เขาก็ยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่ารู้สึกยังไง ชอบคิดแต่ในทางร้ายๆ เป็นคนไม่ร่าเริง ที่ร้ายหัวดื้อขนาดไม่ยอมคด ไม่ยอมงอทีเดียว ส่วนเรื่องของความรัก คนกรุ๊ปเลือดนี้ก็จะไม่หลงรักใครส่งเดชเหมือนกัน ต้องพิจารณาดูความเหมาะสม และยังวางฟอร์มอีกต่างหาก บางทีคุณอาจจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นจีบเขาก่อนก็ได้นะ วิธีชนะใจเขาคือ แสดงความจริงใจและจริงจังเชื่อมั่น รวมทั้งลูกตื๊อที่มีสิทธิ์ทำให้เขาใจอ่อนได้ แต่ต้องพยายามหน่อย...

อันนี้ก็ตรงอีกแล้วสินะ อย่างที่ว่ามาหมดเลยน่ะแหละครับ ชอบจะปรับปรุงและพัฒนาตนเอง เป็นพวกไม่รักใครส่งเดช แต่ถ้าชอบ ถ้ารักจริงๆ ล่ะก็ ทุ่มเทสุดๆ เหมือนกัน หัวรั้น เอาแต่ใจตัวเอง จริงจัง แล้วก็เชื่อมั่นมากๆ เพียงแต่บางทีอาจโลเล ไม่มั่นใจ ในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เกินไป เรียกง่ายๆ ว่าจริงจังเกินไป จนยอมรับความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ไม่ค่อยได้ มีผลกระทบตลอด...

ก็หมดไปแล้วนะครับ ตรงเกือบหมดเลยเหมือนกัน ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงล่ะ คงต้องขอตัวไปกินข้าวก่อน เพราะตอนนี้โรคกระเพาะผมมันกำเริบ เนื่องจากไม่ยอมกินยาอีกแล้ว...^^Y

ปล. อันนี้เป็นกรุ๊ปอื่นๆ ครับ ลองไปดูกันได้ว่าจะตรงกับตัวเองไหมนะครับ --->http://blog.hunsa.com/antred/blog/17834

Thursday, September 6, 2007

งานใหญ่ของสัปดาห์นี้!!!

อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่าเดือนนี้งานมันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน สำหรับผมเองงานก็เยอะแยะไม่แพ้คนอื่นๆ เหมือนกัน ก็คงต้องกำหนดงานที่สำคัญๆ ที่จำเป็นต้องเร่งทำ และต้องทำให้ดีก่อนล่ะ ยังงี้คงมีเวลาไปดริ้งค์น้อยลงเหมือนกันนะเนี่ย...

งานที่ว่าก็คือเรื่อง project presentation คิดเป็นคะแนนได้ถึง 20% จากคะแนนเต็มร้อยเลยล่ะ เป็นคะแนนเขียนรายงานบวกกับคะแนนพรีเซนต์ที่เป็นภาษาอังกฤษด้วย o_O!! เป็นงานที่ต้องไปหางานวิจัยที่สนใจมามากกว่า 10 paper ขึ้นไป แล้วให้มาเขียนเป็นงานของตัวเองโดยอ้างอิงงานของคนอื่นเค้า มันไม่หมูเลยน่ะ เพราะงานวิจัยก็เป็นภาษาอังกฤษ งานนี้เลยขึ้นกับว่าเรื่องที่จะเขียนมาน่ะ ใครถนัดเรื่องอะไรมาก่อน?

ตอนแรกผมได้หัวข้อมาเรื่องนึง ที่ง่ายสำหรับผมพอสมควร ก็เลยเริ่มเขียนไปได้หลายหน้า ทำได้หลายวันแล้ว แต่พอทำไปทำมามันเกิดปัญหาขึ้นในใจ?...ง่ายเกินไปไหม? ไม่ค่อยตรงวัตถุประสงค์ของรายวิชามากนัก ไม่น่าสนใจ? รวมทั้งมันมีจุดบอดเต็มไปหมด การจะเขียนให้มันดียาก ถึงทำได้ก็ต้องอาศัยงานวิจัยมากกว่า 30 เรื่อง ถึงจะออกมาดี ซึ่งผมไม่มีเวลาพอ...

ก็เลยต้องไปหาหัวข้ออื่น ที่จะลดวงให้แคบลงมากขึ้น ใช้งานวิจัยน้อยลงมาอ้างอิง ดูแล้วน่าสนใจ ตอนนี้ก็ได้ล่ะ แต่มันกลับกลายเป็นหัวข้อที่ยาก เพราะเป็นความรู้ใหม่ ที่ต่างคนจะต้องไปศึกษาเองส่วนตัว...พูดง่ายๆ ก็คือ ใครอยากเก่งอะไร อยากรู้อะไร จะมาหวังจากห้องเรียนไม่ได้ ต้องศึกษาเองเยอะๆ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมสนใจ ก็เลยคิดว่าทำมันน่าจะดีนะ?

แต่ผมมีเวลาอีกประมาณอาทิตย์กว่าๆ นี่ยังไม่รวมที่จะต้องทำสไลด์พรีเซ็นท์ รวมทั้งเตรียมตอบคำถามอีกนะ สรุป ต้องทำให้เสร็จภายในอาทิตย์เดียว ถ้าเป็นไปได้นะ...ผมก็เลยต้องวางแผนดีๆ ก่อนทำ กะจะเอามารวมกันให้มันหมดเลย งานวิจัยน่ะ แล้วค่อยย่อยๆๆ มันไปเรื่อยๆ แล้วมาเรียบเรียง จัดภาษาเอาใหม่ ก็น่าจะทัน หากเสียเวลาไปอ่านก่อน กว่าจะทำความเข้าใจกว่าจะเขียนอีกไม่ทันแหงมๆ...

งานอื่นๆ ยังมีรออีกบานเลยครับ...แต่ของานนี้ก่อนแล้วกัน งานอื่นๆ ผมยังขอให้สมาชิกในกลุ่มช่วยได้ แต่นี่มันงานเดี่ยวนี่นะ จะขอเห็นแก่ตัวเล็กๆ คงไม่มีใครว่าหรอกเนอะ...อิอิ ^^Y

Tuesday, September 4, 2007

เดือนหฤโหด...

เดือนนี้ก็เป็นเดือนสุดท้ายของเทอมแรกแล้วครับ เป็นเดือนที่จะตัดสินแล้วว่าจะได้เกรดตามที่ตั้งไว้ไหม? แล้วที่สำคัญคืองานเดือนนี้จะเยอะมากๆ เพราะไอ้ที่พลัดๆ ไว้เดือนก่อนๆ ก็จะมาส่งในเดือนนี้ นี่ไม่รวมงานของเดือนนี้ด้วยนะเนี่ย...

นอกจากงานที่สำคัญแล้วก็คือเรื่องสอบครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหามากนัก แต่เรื่องงานนี่สิ ที่ผมเป็นห่วง งานเดี่ยวไม่เท่าไหร่ แต่งานกลุ่มเนี่ยมันหนักเอาการ ต้องทำรายงานการทดลองส่งอาจารย์ในขณะที่ใกล้จะสอบแล้ว...

ยอมรับว่าสังคม ป.โท นั้นมันเห็นแก่ตัวกันจริงๆ ไม่กี่วันก่อน กลุ่มผมก็ต้องเตรียมอุปกรณ์การทดลองให้กลุ่มอื่นทั้งหมด เพราะรำคาญที่เรื่องมากเถียงกันอยู่ได้ สงสัยกลัวจะเสียเปรียบกันว่างั้น แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีคนบ่นว่า ทำไมเตรียมแค่นี้ เอ๊า!!! นี่ตูเตรียมให้มันก็บุญแล้วนะโว้ยยย...จริงๆ กลุ่มเอ็งต้องเตรียมแท้ๆ ฮ่วยยย

ยังมีเรื่องนัดวันเวลาสอบกันอีก ที่แต่ล่ะคนจะถกเถียงกัน หาว่าไม่พร้อมบ้างล่ะ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็เรียนเหมือนกัน เวลาสอบก็วันเดียวกันแล้วจะบอกว่าไม่พร้อมได้ยังไง...ผมเริ่มเห็นจุดอ่อนของพวกเด็ก ป.โท ที่มันยังไม่ได้ทำงานกันจริงๆ บ้างแล้ว คือ...ชอบอ้างว่าไม่พร้อม ไม่ทันนะ จริงๆ แล้วคุณควรจะเตรียมตัวให้พร้อมทุกวันมากกว่า สอบติดๆ กันก็บ่นกันแล้ว สำหรับผมน่ะ วันไหน เมื่อไหร่ขอให้บอก เพราะการทำงานจริงน่ะ เจ้านายคุณจะสั่งงานให้เวลานี้ แล้วต้องเสร็จวันนี้ด้วย งี้เด็กพวกนี้จะทำงานไหวเรอะ...แค่นี้ก็บ่นกันแล้ว...

โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วครับ พวกนี้ติดเรียนเกินไป เรียนสบายๆ ไม่เคยเจอแบบงานรัดตัวแบบไม่ทำมีโดนด่า หรือไล่ออกกันบ้าง จะได้รู้สำนึก ผมว่าจะไม่พูดๆ เรื่องการทำงาน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า เฮ้ยย ทำงี้ง่ายกว่าไหม คิดดู แบ่งงานกันเถียงกันเป็นชั่วโมงยังไม่ได้ข้อสรุปเล้ยยย...แก้ปัญหากันไม่เป็น...

นี่ก็เป็นสังคมของ ป.โท ที่นี่น่ะครับ งานตัวเองเสร็จไวจัง งานกลุ่มล่ะไม่ค่อยช่วยกัน...

สำหรับผมเองหลังสอบ ก็คงมีเวลาฟิตสอบภาษาอังกฤษของ ป.โท ให้ผ่านในเดือน พฤศจิกายนนี้ กะว่าจะขอสอบครั้งเดียวผ่าน ก็เลยต้องวางแผนหาเวลาที่ตัวเองน่าจะพร้อมให้ผ่านในทีเดียว...

ยังมีตัวเรียนเทอมหน้าที่ต้องมาคิดอีกว่าจะหนักไหม?...ก็คงต้องรอถามอาจารย์ที่ปรึกษา ว่าสุดแล้วแต่ว่าจารย์อยากให้เรียนตัวไหนเป็นพิเศษ ก็คงต้องไปเรียนตัวนั้น...

ตอนนี้ผมคงกะเกณฑ์การจบอยู่ที่ สองปีครึ่งล่ะครับ...ใจจริงอยากจะสองปี แต่ก็จะพยายามครับ ^^Y

Sunday, September 2, 2007

MV Start --- Depapepe เวอร์ชั่นเด็กไทย!!!



ไม่นึกว่าถ้าเล่นดูโอ้เพลงนี้ด้วยกันมันจะยากขนาดนี้ ขนาดสองคนนี้ผลัดกันดีดผลัดกันลี้ดในแต่ล่ะช่วง นิ้วยังไวมากๆ สงสัยคงจะฝึกไม่ได้ล่ะครับ ดูดีกว่าเนอะ...^^
ที่มา : http://www.chordtabs.in.th/webboard/viewtopic.php?t=2255

ส่วนอันนี้ของจริงครับ...